5 เทคนิคเลือกที่นอนอย่างละเอียด ช่วยให้คุณนอนหลับได้อย่างมีคุณภาพ

5 เทคนิคเลือกที่นอนอย่างละเอียด ช่วยให้คุณนอนหลับได้อย่างมีคุณภาพ

คุณกำลังประสบปัญหานอนหลับไม่สบาย หลับไม่สนิท สะดุ้งตื่นเป็นประจำอยู่หรือเปล่า ซึ่งปัญหาการนอนเหล่านี้จะส่งผลทำให้การนอนหลับของคุณไม่ได้คุณภาพและเกิดผลเสียตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นร่างกายอ่อนเพลีย พักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้กระบวนการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอทำงานได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ สุขภาพจึงเริ่มรวน เพราะระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ไม่เต็มที่ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คุณกลายเป็นคนที่เจ็บไข้ได้ป่วยง่ายกว่าปกติ ซึ่งหากคุณไม่อยากเกิดปัญหาลุกลามบานปลายแบบนี้ ควรรีบตัดไฟเสียแต่ต้นลม และหนึ่งในสาเหตุหลักของการนอนหลับที่ไม่ได้คุณภาพนั้น เกิดจากที่นอนที่ใช้ไม่เหมาะสม ไม่ได้คุณภาพ หรือเสื่อมสภาพ

วันนี้เราจึงมาส่งต่อเกร็ดความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับเทคนิคการเลือกที่นอนให้ได้ทราบอย่างละเอียด เพื่อให้ที่นอนผืนใหม่ของคุณช่วยคืนการนอนหลับที่มีคุณภาพให้กับคุณได้ และนำมาซึ่งการมีสุขภาพการนอน สุขภาพกาย และสุขภาพใจที่สมบูรณ์แข็งแรง

5 เทคนิคช่วยคุณเลือกที่นอนผืนใหม่ที่ถูกใจ ฟื้นคืนสุขภาพการนอนได้ตั้งแต่คืนแรก
1. ขนาดที่นอนที่เหมาะสม
ขนาดที่นอนในปัจจุบันที่นิยมมีอยู่ด้วยกัน 3 ขนาด ได้แก่ 3.5 ฟุต 5 ฟุต และ 6 ฟุต ซึ่งแต่ละขนาดเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกันไป ดังนี้
ขนาด 3.5 ฟุต หรือที่นอนเตียงเดี่ยว (Single Size) เหมาะสำหรับใช้นอนคนเดียว โดยหากวัดเป็นเซนติเมตร จะอยู่ที่ 107×198 เซนติเมตร นิยมใช้เป็นที่นอนของเด็ก หรือผู้ใหญ่ที่ตัวค่อนข้างเล็ก ข้อดีคือประหยัดพื้นที่ภายในห้องนอนไปได้มากพอสมควรเลยทีเดียว
ขนาด 5 ฟุต หรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่าขนาดควีนไซส์ (Queen Size) ขนาดยอดนิยมที่ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป สามารถใช้นอนคนเดียวได้กว้างขวาง หรือนอนคู่ก็ไม่อึดอัด โดยวัดเป็นเซนติเมตรได้ 150×198 เซนติเมตร ขนาดกำลังดีนอนหลับได้สบาย
ขนาด 6 ฟุต หรือขนาดคิงไซส์ (King Size) ที่นอนขนาดใหญ่ที่มอบประสบการณ์การนอนที่แสนสบายให้กับผู้คนทุกเพศทุกวัย ด้วยขนาดที่กว้างถึง 180×198 เซนติเมตร ทำให้สามารถนอน 2 คนได้สบาย ๆ จะนอนดิ้นพลิกตัวกี่ตลบก็ยังไม่สะเทือนหรือโดนคนข้าง ๆ

2. ประเภทที่นอนที่ใช่
ที่นอนที่ใช่ ต้องช่วยให้นอนสบายมากขึ้น หรือสามารถเสริมการนอนหลับให้เข้าสู่การนอนหลับที่มีคุณภาพได้ทุกค่ำคืน โดยประเภทที่นอนแบ่งออกได้ดังนี้
1. ที่นอนยางพารา
ที่นอนยางพารา คือที่นอนอันดับต้น ๆ ที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้ ด้วยคุณสมบัติที่เอื้อต่อการนอนหลับที่มีคุณภาพ แถมยังเป็นที่นอนสุขภาพที่ช่วยแก้ปัญหาการนอนได้หลากหลาย อาทิ ช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง เพราะคุณสมบัติของยางพารานั้นมีความยืดหยุ่นสูง จึงสามารถรองรับสรีระตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าได้อย่างดีเยี่ยม ถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ นอนแล้วหลับสบายตื่นเช้ามาไม่ปวดหลัง รวมถึงตัวยางพารายังช่วยปกป้องคุณจากไรฝุ่น เชื้อโรค และแบคทีเรีย จึงป้องกันปัญหากลิ่นอับชื้นไม่พึงประสงค์ และปัญหาอาการภูมิแพ้กำเริบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญใช้ทนใช้นานคุ้มกับราคา
2. ที่นอนเมมโมรี่โฟม
ที่นอนนวัตกรรมที่ทำจากโพลียูรีเทน เหมาะสำหรับแก้อาการนอนปวดหลังได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยให้นอนหลับได้สบายสมชื่อ โดยคุณสมบัติของเมมโมรี่โฟมนั้นจะมีความยืดหยุ่นสูง จึงสามารถรองรับน้ำหนัก และห่อหุ้มตัวผู้นอนได้เป็นอย่างดี ช่วยกระจายแรงกดทับ จึงเหมาะเป็นที่นอนสำหรับผู้ป่วยที่ต้องนอนติดเตียงนาน ๆ หรือที่นอนสำหรับผู้ที่มีปัญหาปวดกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ
3. ที่นอนสปริง
กำลังเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน กับที่นอนสปริงที่นอนพ็อคเก็ตสปริง มีคุณสมบัติโดดเด่นในเรื่องความยืดหยุ่น ช่วยกระจายน้ำหนักของผู้นอนได้ดี ตัวสปริงในที่นอนจะยุบหรือยืดตามน้ำหนัก ทำให้นอนแล้วไม่รู้สึกปวดเมื่อย เหมาะกับผู้ที่ชอบนอนตะแคงเป็นอย่างมาก และอีกหนึ่งคุณสมบัติหลักที่คนมีคู่นอนชอบมาก ก็คือ ไม่มีแรงสั่นสะเทือนจากคนข้าง ๆ มากระทบกระแทกจนทำให้ต้องสะดุ้งตื่นหากอีกฝ่ายขยับตัวหรือพลิกตัว เพราะสปริงในที่นอนนั้นทำงานแยกกันอย่างอิสระ ไม่ว่าตรงไหนจะสั่นสะเทือน ก็ไม่ส่งมาถึงอีกคนอย่างแน่นอน ช่วยให้การนอนหลับของทั้งคู่เป็นไปอย่างราบรื่น จบปัญหาสะดุ้งตื่นกลางดึกแบบหายขาด

3. ท่านอนท่าโปรด
ก่อนเลือกซื้อที่นอนผืนใหม่ ลองสังเกตดูว่าท่านอนท่าโปรดของคุณคือท่าไหน ท่าไหนที่ทำให้คุณรู้สึกนอนสบาย หลับได้ง่ายและหลับสนิท โดยท่านอนที่หลับสบายจะช่วยให้ร่างกายนอนนิ่งและผ่อนคลายอยู่ในท่านั้นเป็นเวลานาน ฉะนั้นจึงควรหาที่นอนที่สามารถรองรับท่านอนของคุณได้อย่างเหมาะสม
ท่านอนหงาย ใครที่ชอบนอนหงาย ที่นอนที่เหมาะกับคุณคือที่นอนยางพารา เพราะคุณสมบัติที่โดดเด่นของยางพาราคือยืดหยุ่นได้ดี จึงสามารถกระจายน้ำหนักให้สมดุลได้ในทุกสัดส่วนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
ท่านอนตะแคง ไม่ว่าจะตะแคงซ้ายหรือขวา ที่นอนที่ใช่สำหรับคนชอบนอนตะแคง คือที่นอนเมมโมรี่โฟม เพราะมีคุณสมบัติลดแรงกดทับเฉพาะจุดได้ดี แถมยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงตามสรีระร่างกายได้อย่างเหมาะสม จึงไม่ทำให้คุณรู้สึกปวดเมื่อยจากการนอน
ท่านอนคว่ำ จริง ๆ แล้วท่านอนคว่ำเป็นท่านอนที่ทำให้ร่างกายนอนอย่างไม่ถูกหลักสรีรศาสตร์ จึงทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยบริเวณคอ บ่า ไหล่ ไปจนถึงหลังได้ ทางที่ดีควรฝึกเปลี่ยนท่านอน เป็นท่านอนหงายหรือนอนตะแคงจะดีกว่า

4. ระดับความนุ่มที่นอนสบาย
ข้อนี้ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว ขึ้นอยู่กับสรีระของแต่ละคน แต่ก็ไม่ควรเลือกที่นอนที่นุ่มเกินไป หรือแข็งจนเกินไป เพราะอาจส่งผลให้กระดูกสันหลังโค้งงอหรือผิดรูปได้หากนอนต่อเนื่องในระยะยาว

5. ทดลองนอนก่อนซื้อ
สิบปากว่าหรือจะเท่าตาเห็น ทฤษฎีหรือจะสู้ลงมือปฏิบัติจริง ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจซื้อที่นอน แนะนำว่าให้คุณทดลองนอนของจริงที่ร้านก่อนซื้อ โดยให้ทดลองนอนประมาณ 15-20 นาที และให้นอนท่าที่ถนัดนานกว่าท่าอื่น เพื่อดูว่าเกิดอาการปวดเมื่อยหรือไม่ นอนแล้วรู้สึกไม่สบายหรือเปล่า

สรุป
5 เทคนิคนี้จะช่วยให้การเลือกซื้อที่นอนของคุณเป็นเรื่องง่าย ให้คุณสามารถควักกระเป๋าจ่ายเงินได้อย่างมั่นใจในความคุ้มค่า ได้ที่นอนที่ถูกใจ นอนหลับสบาย คืนการนอนหลับที่มีคุณภาพให้กับคุณได้ตั้งแต่คืนแรก
1. ขนาดที่นอน นอนกี่คนควรเลือกให้เหมาะสม ถ้านอนคนเดียว 3.5 ฟุตก็กำลังดี แต่ถ้าชอบนอนดิ้นไปมา 5 ฟุตก็ตอบโจทย์ แต่หากเป็นคนมีคู่นอนด้วย ขนาด 6 ฟุต คือที่นอนที่ใช่ หลับสบายกว้างขวางกำลังดี
2. ประเภทที่นอน ทั้ง 3 ประเภทเหมาะสมกับผู้ใช้งานที่แตกต่างกันไป ที่นอนยางพาราเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพการนอน ที่นอนเมมโมรี่โฟมแก้ปวดหลังเหมาะกับผู้ที่นอนอยู่บนเตียงนาน ๆ และที่นอนสปริงที่นอนพ็อคเก็ตสปริงเหมาะสำหรับใช้งานทั่วไปได้รับความนิยมมาก
3. ท่านอน ใครที่ชอบนอนหงายให้เลือกใช้ที่นอนยางพาราเพราะมีคุณสมบัติช่วยกระจายน้ำหนักได้ดี ส่วนนอนตะแคงควรใช้ที่นอนเมมโมรี่โฟมที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบตามสรีระได้อย่างเหมาะสม แต่หากไม่มีท่านอนประจำ นอนเปลี่ยนท่าไปมา ที่นอนสปริงจะช่วยให้คุณนอนหลับได้สบายมากขึ้น
4. ความนุ่ม ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล แต่ไม่ควรเลือกที่นุ่มเกินไปหรือแข็งเกินไป เพราะส่งผลต่อสรีระ และความสบายขณะนอนหลับ
5. ลองใช้จริง ก่อนตัดสินใจซื้อที่นอนต้องลองนอนของจริง อย่างน้อย 15-20 นาที เพื่อให้มั่นใจว่าจะช่วยให้หลับสบายได้อย่างมีคุณภาพ